เชื้อรา vs. เชื้อยีสต์ ในแมวแตกต่างกันอย่างไรใครรู้บ้าง 

เป็นสัตวแพทย์ มา 20 กว่าปี เจอปัญหาผิวหนังที่เกิดขึ้นกับแมวอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อจากเชื้อราและเชื้อยีสต์ หลายครั้งเจ้าของแมวอาจสับสนหรือไม่สามารถแยกแยะได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากอะไร กดบันทึกคลิปนี้ไว้ เผื่อวันหนึ่ง จะได้ใช้สังเกตุ ความแตกต่างระหว่าง “เชื้อรา” และ “เชื้อยีสต์” เพื่อทาส ๆจะได้ดูแลน้องแมวได้อย่างถูกต้องครับ 

เชื้อราในแมว (Dermatophytosis)

เชื้อราที่พบบ่อยในแมวคือเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes โดยเฉพาะสายพันธุ์ Microsporum canis ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังในแมวและสัตว์อื่นๆ รวมถึงสามารถติดต่อไปยังคนได้ด้วย

อาการของเชื้อราในแมว

  1. ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
  2. ผิวหนังลอกและคัน:  
  3. ลักษณะผิวหนังเป็นสะเก็ด 

 เชื้อราติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงระหว่างสัตว์ หรือสิ่งแวดล้อม เช่น ของใช้ของแมวที่มีเชื้อปนเปื้อน นอกจากนี้ เจ้าของยังสามารถติดเชื้อราได้หากสัมผัสบริเวณที่ติดเชื้อโดยตรง

ส่วนเชื้อยีสต์ในแมว (Yeast Infection)

เชื้อยีสต์ในแมวเกิดจาก Malassezia spp. ซึ่งเป็นเชื้อที่ปกติพบในผิวหนังแมวอยู่แล้ว แต่จะกลายเป็นปัญหาเมื่อสภาพผิวหนังเปลี่ยนแปลง เช่น การอักเสบ หรือภูมิคุ้มกันลดลง เชื้อยีสต์จึงเจริญเติบโตเกินปกติและทำให้เกิดอาการอักเสบ

อาการของเชื้อยีสต์ในแมว

  1. ผิวมันเยิ้มและมีกลิ่นเหม็น:  
  2. ผิวหนังแดงและอักเสบ เกาหรือเลียบริเวณนั้นบ่อยๆ
  3. หูอักเสบ

 เชื้อยีสต์ไม่ติดต่อจากแมวตัวหนึ่งไปยังตัวอื่น แต่เกิดจากปัจจัยภายในของตัวแมวเอง เช่น ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของยีสต์

หมอสรุปเป็นตารางเปรียบเทียบเชื้อราและเชื้อยีสต์ รวมถึงวิธีการรักษาให้ดังนี้ครับ 

  หากสงสัยว่าน้องแมวของเรามีอาการผิดปกติ หรือไม่แน่ใจว่าอาการที่พบมาจากเชื้อรา หรือเชื้อยีสต์ ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมนะครับ หมาแมวเขาพูดไม่ได้ หมอเลยต้องออกมาพูดแทนเขาครับ